st0673 :ละครไทย กระสือ (รัขนีกร+ศตวรรษ) 7 แผ่น

st0673 :ละครไทย กระสือ (รัขนีกร+ศตวรรษ) 7 แผ่น
รหัสสินค้า: st0673
สถานะสินค้า: มีสินค้า
ราคา: 140.00 บาท
ไม่รวมภาษี: 140.00 บาท

ออปชั่นสินค้า


ตัวเลือกสินค้า:


จำนวน:  
   - หรือ -   

จำนวน 7 แผ่น


เรื่องย่อ กระสือ 2537

ดาราแสดง

ศตวรรษ ดุลยวิจิตร
รชนีกร พันธุ์มณี
มนฤดี ยมาภัย
สุวัจนี ไชยมุกสิก
เสาวลักษณ์ ศรีอรัญ
วรรณวิศา ศรีวิเชียร
พงษ์นภา ดัสกร
วีระยุทธ รสโอชา
ศาสตรา ศรีวิไล
ยุวดี เรืองฉาย
อุษา หนทาวัล
ธงชัย ประสงค์สันติ
กรุง ศรีวิไล
ชุมพร เทพพิทักษ์

กระสือ เป็นชื่อผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้หญิงและชอบกินของโสโครก คู่กับ "กระหัง" ซึ่งเข้าสิงในตัวผู้ชายความเชื่อเกี่ยวกับกระสือ

กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินกลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเรืองวาม ๆ

ใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมาและเข้าสิงกินตับไตไส้พุงของหญิงที่ คลอดลูกหรือของทารกที่คลอดนั้น เหตุนี้ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทราสะไว้ที่ใต้ถุนเรือนตรงที่มีร่องมีรู เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามา เชื่อกันว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้

นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบรับประทานของโสโครกเช่นอุจจาระเป็นต้น เมื่อรับประทานแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้อง ไม่ให้ต้มต่อไป

ผีกระสือ มีแทบทุกภาคของเมืองไทย ทางภาคเหนือ เรียกสั้นๆ ว่า ผีสือ ทางภาคใต้เรียกว่า ผีกละ ภาคอีสานเรียกว่า ผีโพง ผีกระสือนี้เชื่อกันว่า เป็นผู้หญิง และชอบเข้าสิงในกายหญิง ชอบกินของโสโครก ลักษณะเป็นดวงไฟแวมๆ ออกหากินในเวลากลางคืน ตามบ้านนอกมีความเชื่อเรื่องผีกระสือนี้มาก ถ้าเห็นแสงวาบๆสีเขียวเป็นดวงโต ก็เข้าใจกันว่าเป็นผีกระสือ และว่ามันไปแต่หัวและตับไตไส้พุง เวลาใครคลอดลูกใหม่ๆ มันได้กลิ่นความเลือดก็จะไปกินหญิงที่คลอดลูกนั้น หรือไม่ก็กินเด็กทารกเสีย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดธรรมเนียมเอาหนามพุทรามาสะตรงใต้ถุนเรือนที่มีร่องถ่าย อุจจาระหรือปัสสาวะ เพราะผีกระสือกลัวหนามจะเกี่ยวไส้

ผีกระสือมักเป็นยายแก่มากกว่าสาวๆ นอกจากชอบกินของสดของคาวแล้ว ยังชอบกินอาจม จึงมักเป็นกันตามถานวัด (ส้วม) เมื่อมันกินแล้วก็จะหาที่เช็ดปาก ถ้าเห็นผ้าของใครตากทิ้งไว้ ก็เอาผ้านั้นเช็ดปากเสียเลย เจ้าของผ้า เมื่อเห็นรอยเปื้อนเป็นดวงๆ ก็จะเอาผ้านั้นมาต้มหรือนึ่ง ผีกระสือก็จะรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อนมาก เมื่อทนไม่ไหวก็ต้องมาขอร้องไม้ให้ต้มผ้านั้นอีกต่อไป

มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า คนเป็นกระสือนั้นตายยากตายเย็น เวลาจะตายต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น ไม่ตายได้ง่ายๆ จนกว่าทายาทคนใดรับทายาทเป็นผีกระสือต่อไป โดยรับเอาน้ำลายของกระสือบ้วนใส่ให้ คนที่เป็นผีกระสือจึงจะตาย เรื่องน้ำลายนี้ มักถือกันว่าเป็นของขลังทางภาคอีสานถือกันว่า ถ้าคนเป็นผีปอปถ่มน้ำลายรดถูกใคร ผู้นั้นจะต้องเป็นผีปอป จำพวกเดียวกับผีกระสือของภาคนั้น

ชาวมลายูได้เล่าถึงผีฮัดตูปินังการัน หรือผีกระสือไว้หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่ง มีครอบครัวหนึ่งมีอยู่ 3 คน พ่อ แม่ ลูก คืนหนึ่ง พ่อไปเที่ยวบ้านเพื่อน แม่ได้ใช้น้ำมนต์ทาที่รอบๆคอ สักประเดี๋ยวหนึ่ง คอของหล่อนก็หลุดออกจากตัวลอยไป และก่อนที่สามีจะกลับมา หัวของหล่อนก็จะกลับมาต่อกับร่างตามเดิม เวลาที่หัวลอยไปนั้น มีคนเห็นแสงสีเหลืองที่ลำไส้ และมักจะได้ยินเสียงซู่ๆ ไล่พวกสัตว์ต่างๆ ที่พยายามจะเข้ามารบกวนลำไส้ของหล่อน

คืนหนึ่งขณะที่หล่อนต้องการจะออกหากิน ลูกชายของหล่อนมาเห็นแม่เอาขวดน้ำมันมาทาที่คอ แล้วหัวก็แยกออกจากร่างไป ลูกชายก็ทดลองทำบ้างและชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวก็ร้องให้คนช่วยเสียงหลง เสียงร้องของเจ้าหนู ได้ยินกันทั่วแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้บ้านนั้น คงปล่อยให้ร้องอยู่จนหัวของแม่ลอยกลับมา เสียงร้องของเด็้กจึงเงียบไป จากนั้นครอบครัวนี้ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่มีใครทราบเรื่องอีกเลย..

dvdjumbo.com